วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บ้านจะไม่เป็นบ้าน ถ้าคนในบ้านไม่ช่วยกันสร้าง

แม้ว่าบ้านจะเป็นคฤหาสหรือกระต๊อบ แต่ถ้าบ้านนั้นมีความรักความอบอุ่น บ้านนั้นก็เป็นวิมาน ป้อมปราการที่แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรจะมาจู่โจมลูกๆภรรยาในบ้านนั้นๆได้เลย เพราะสมาชิกในบ้านไม่สนใจคนข้างนอกที่ไม่ได้สำแดงความรักที่แท้จริงให้แก่เขา เท่ากับพ่อบ้านที่รักและห่วงใยครอบครัวอย่างแท้จริง ลูกๆภรรยาจะง่วนกับการงานในบ้าน ช่วยกันทำมาหากิน แม้จะเหน็ดเหนื่อยปานใดก็ตามแต่พวกเขามีความสุขกว่าคนที่มีบ้านใหญ่โตแต่ทะเลาะวิวาทกัน ตะโตนตะคอกใส่กัน ไม่มีความรักซึ่งกันและกัน

วันอาทิตย์ที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ต้นกำเหนิดของบ้าน

มีเพลงหนึ่งที่พ่อเคยร้องให้คุณย่าฟังว่า ซึ่งเวลานั้นเรามีฐานะที่ลำบากมาก บ้านก็พังต้องซ่อม ตอนนั้นพ่ออายุ 16-17 ปีได้กระมั่ง "บ้านพี่เป็นเรือนแพ สาวน้อยเขาไม่แล สาวแก่เขาก็ไม่มอง บ้านพี่เป็นเรือนพัง สาวเอย เขาก็ชัง สาวฝรั่งเขาก็ไม่มอง" คุณย่าลูกหัวเราะใหญ่เพราะบ้านเราเป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่ที่ว่าสาวฝรั่งเขาก็ไม่มองนั้น ปรากฏว่าไม่เป็นความจริง

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2552

บ้านดุจดั่งวิมานหรือนรกอยู่ที่ครอบครัวช่วยกัน


เมื่อพระเจ้าทรงสร้างสถาบันครอบครัวขึ้นมาในสวนเอเดนเป็นครั้งแรก บ้านก็คือแหล่งพระพรอันดับแรกของสังคม พระพรเริ่มต้นที่บ้านก่อน แล้วค่อยไปสู่ผู้อื่น พระเจ้ามีพระประสงค์ที่จะให้สังคมครอบครัวเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เพื่อที่เมื่อบ้านแข็งแรง คริสตจักรก็แข็งแรง ชุมชนรอบข้างก็เข้มแข็ง

ในทางตรงกันข้าม เมื่อบ้านอ่อนแอ คริสตจักรที่มีสมาชิกที่มีบ้านอ่อนแอมากๆก็จะเป็นคริสตจักรที่อ่อนแอด้วย ชุมชนที่อยู่รอบข้างก็แน่ละว่าไม่มีทางที่จะเป็นชุมชนที่แข็งแรงได้เลย

บ้านจะเป็นวิมานหรือวิมารก็อยู่ที่บ้านนั้นร่วมใจกันในความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน รักกัน ผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน เราก็จะอยู่ได้อย่างสงบสุข

มาช่วยกันสร้างบ้านให้เป็นวิมาน พาครอบครัวฝ่าวิฤกติในยุคนี้กันเถอะ จะได้มากหรือน้อยก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย เราก็พยายามทำให้ดี่ที่สุดสำหรับครอบครัวของเราก็แล้วกัน