วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ความบาป 7 ประการที่ร้ายแรงที่สุดสำหรับผู้ชาย

ความบาป 7 ประการที่ร้ายกาจถึงตาย(ฝ่ายวิญญาณ)สำหรับผู้ชาย








1. ราคะตัณหา ความใคร่ลามก กามโลกีย์








2. ตระกละ ตระกราม








3. มักมาก โลภ ไม่รู้จักพอ








4. เกียจคร้านสันหลังยาว








5. ชอบโมโห โทสะ ตนเองดีคนเดียว








6. อิจฉาตาร้อน ใครล้ำหน้าดีกว่าไม่ได้
7. เย่อหยิ่งหัวสูง ทนงตน
อำนาจแห่งการทดลองได้ใช้พลังงานอันมหาศาลของความบาป 7 ประการนี้ยั่วยวน ล่อลวง ทำลาย ผู้ชายให้หลงและพลาดมามากต่อมากแล้ว ในค่ายบุรุษของพระเจ้า ศจ.ทัศนพงศ์ ล.สุวรัตน์จะนำแนวทางและหลักการป้องกันตัวของบุรุษทั้งหลาย ให้เป็นนักรบต่อการยั่วยวนเหล่านี้ นำท่านไปสู่เส้นทางแห่งชัยชนะเพื่อบรรลุเป้าหมายนิจนิรันดร์ในองค์พระเยซูคริสต์เจ้า

พลังแห่งแสงสว่างในองค์พระเยซูคริสต์เจ้าจะมีชัยชนะพลังแห่งความมืดนี้ได้โดย
1. ความบริสุทธิ์ผ่องใส








2. การรู้จักควบคุม และพอเพียง








3. ความรักแบบการให้








4. ความขยันหมั่นเพียร








5. ความอดทนใจเย็น








6.ความเมตตาปราณี








7.ความถ่อมใจไม่ใช่เพียงแต่ถ่อมตน


ให้เรามาดูที่ละอย่างว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร
พลังแห่งความมืด                                                    พลังแห่งความแสงสว่าง
1. ราคะตัณหา ความใคร่ลามก กามโลกีย์                        1. ความบริสุทธิ์ผ่องใส

อันนี้ขึ้นนำเป็นอันดับแรกเลย ผมไม่พยายามจะบอกว่าไม่ให้ผู้ชายมีราคะตัณหา หรือเรื่อง กามโลกีย์ นอกจากคนที่ไร้สมรรถภาพทางเพศเท่านั้นที่ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ แม้กระทั่งนักบวชไม่ว่าศาสนาไหนก็ตาม ถ้าหยอดน้ำมันเครื่องหน่อยเดียว เครื่องจักรก็พร้อมที่จะขยับกลไกทำงานได้ทุกเวลานาที

แต่ผู้ชายจะต้องมีน้ำอดน้ำทนในเรื่องนี้บางตามกาละเทศะ และความเหมาะสม

พลังแห่งความมืดได้ใช้ความเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่พระเจ้าทรงสร้างให้ เลยขอบเขตของความเหมาะสม จนกู่ไม่กลับ ดังนั้นจึงจำต้องมีระเบียบวินัย กำหนดกฏเกณต์สำหรับเด็กที่จะรับสื่อที่ไม่ทำลายความไร้เดียงสาของเด็กๆไป

ทุกวันนี้โอกาสในการหมกมุ่นอยู่กับเรื่องเพศนี้ทวีมากขึ้นจนเอาไม่อยู่แล้ว เราจะต้องชั่งใจดูว่าเราจะให้ลูกๆของเรา สมาชิกในบ้านของเราบริโภคสื่ออย่างไร

พลังแห่งความสว่า่ง เป็นหนทางออกทางเดียวที่เราจะเอาชนะพลังแห่งความมืดนี้ได้สนิท เพียงการให้คำแนะนำปรึกษาแต่อย่างเดียว ไม่ได้ช่วยให้หลุดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้เลย

หรือการหลีกเลี่ยงหันหลังปฏิเสธไม่รับรู้เรื่องพวกนี้เลย ก็ยากในการปฏิบัติ ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ ถ้าไม่ตัดขาดจากโลกและสังคม

พระเยซูคริสต์ไม่ได้สอนให้เราตัดขาดจากสังคมหรือออกไปจากโลก แต่ให้อยู่ในโลก เรียนรู้กับโลกและ็เป็นแสงสว่างให้โลก ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก ด้วยการมีจิตใจที่ผ่องใสบริสุทธื์

พระคริสตธรรมคัมภีร์ได้สอนว่า "เพราะพระเจ้ามิได้ทรงเรียกเราให้เป็นคนลามก   แต่ทรงเรียกเราให้เป็นคนบริสุทธิ์" ดังนั้นให้เรามาดูแต่ละคำของที่มาที่ไปว่าเป็นมาอย่างไร

1. ราคะตัณหา พจนานุกรมภาษาไทยแปลว่า ซึ่งหมกมุ่นในเรื่องทางโลก ซึ่งกระตุ้นความรู้สึก


องค์พระเยซูคริสต์เจ้าได้ทรงอธิษฐานต่อพระบิดาเผื่อสาวกของพระองค์ว่า"ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาเขาออกไปจากโลก   แต่ขอปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย" นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า พระองค์ทรงเข้าใจปัญหา การทดลอง ความรู้สึกของมนุษย์ที่มีต่อโลก


เราจะหนีราคะไปไม่พ้นเลย แต่เราไม่จำเป็นที่จะต้องหมกมุ่น กระตุ้นความรู้สึกหื่นกระหายในแต่เรื่องเหล่านี้ หมกมุ่นก็คือการที่ไม่คิดอย่างอื่นนอกจากเพศ กามโลกีย์ เรื่องชู้สาว มองอะไรก็จ้องหาแต่สิ่งเหล่านี้


เพศหรือกามหรือความสัมพันธ์ทางเพศที่บริสุทธิ์ก็สามารถมีได้


ดังนั้นความบริสุทธิ์ในเรื่องนี้จึงจำเป็นที่จะต้องพูดถึงโดยไม่ต้องกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดกำหนัดทางเพศหรือส่งเสริมในเรื่องชู้สาว


ปัญหาหรือช่องทางที่ผู้ชายมักจะทำบาปในเรื่องนี้


1. เริ่มจากตา
2.มาสู่ความคิด
3.สิ้นชีวิตที่คิดว่าฉันแน่ ไม่เป็นไร


พระเยซูขณะนี้ก็ยังทรงอธิษฐานเผื่อสาวกของพระองค์ให้พ้นจากมารร้าย โดยเฉพาะเรื่องราคะ


ตา เป็นจุดแรกที่ผู้ชายจะต้องเอาให้อยู่ อย่าสอดสายสายตาไปทั่วโดยไม่รู้จักควบคุม


ถามตนเองว่า ตาเราชอบดูอะไรที่ชักนำให้เราเข้าไปสู่การทดลอง แล้วเขียนรายการลงไป เวลาไปที่ไหน ที่ตาของเราเริ่มที่จะชักนำเราออกนอกลู่นอกทาง ก็ควบคุมตาของเรา อย่าให้มันเป็นใหญ่กว่าใจที่รู้ดีรู้ชั่วของเรา






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น